หน่วยที่ 4 หลักการและเทคนิคการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์
บทนำ งานในองค์การบริการทางสุขภาพ ประกอบไปด้วย
· งานเชิงประกอบการ คือการสร้างผลิตภัณฑ์ทางสุขภาพ
· งานเชิงปฏิบัติการ คือการบริหารและการสร้างประสิทธิภาพของกระบวนการปฏิบัติการ
· งานยุทธศาสตร์ เช่น การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้ถึงประชาชน
การตรวจสอบภายนอก (opportunity-threat) การตรวจสอบภายใน (strength- weakness) มีจุดมุ่งหมายอย่างน้อย 4 อย่างคือ
· identify ประเด็นความท้าทาย
· แสดงให้เห็นว่าหลักฐานต่างๆ นั้นจะต้องแปลเป็นแนวทางปฏิบัติ
· ให้คำแนะนำหรือแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐาน
· ออกรายงานปรัปแผนกลยุทธ์ขององค์การ
การวิเคราะห์สภาวะแวดล้อมภายนอก
· กิจกรรมการวิคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก เป็นการทบทวนการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อองค์กร โดยควรคำนึงถึงปัจจัยดังนี้
o ปัจจัยบ่งชี้สุขภาพ และพฤติกรรมความต้องการบริการสุขภาพที่กว้างขึ้น
o การปฏิรูประบบสาธารณสุขี่เป็นกระแสระดับสากล
o การเพิ่มบทบาทของมาตรการด้านสิทธิบัตรและการคุ้มครองผู้บริโภค
· กิจกรรมการวิเคราะห์และทบทวนอาจมีวิธีการคือ การประชุมเชิงปฏิบัติการหรือการระดมสมอง ซึ่งมีคำถามที่น่าสนใจเช่น
o อะไรเป็นแรงกดดันที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อองค์กร
o แรงกดดันภายนอกสามารถคาดการณ์ได้หรือไม่อย่างไร
o สิ่งแวดล้อมภายนอกเอื้อโอกาสหรือมีแนวโน้มรุนแรงไปทางลบ
o องค์การจะปรับตัวยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ภายนอกอย่างไร
o พันธกิจและแผนงานต้องมีการปรับตัวหรือไม่
o จะจัดการกับความหลากหลายรุนแรงของแรงกดดันภายนอกอย่างไร
· การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั่วไปของภาคบริการสุขภาพและโรงพยาบาล จากที่เคยเป็นสินค้าสาธารณะกลายมาเป็นสินค้าทางเศรษฐกิจจึงมีการนำเครื่องมือทางการตลาดมาใช้ร่วมด้วย นอกจากนี้การพิจารณาอาจใช้หลักฐานงานวิจัยและที่ปรึกษามาพิจารณาร่วมด้วย ในประเด็นดังนี้
o ลักษณะจำเพาะขององค์กร เช่น เป็นของรัฐหรือเอกชน องค์การนี้เน้นบริการด้านใด ด้านใดเก่ง ประเภทของลูกค้า
o ความสัมพันธ์ขององค์การ (organization relationship) จะพิจารณา
§ โครงสร้างและระบบอภิบาลองค์กร ของผู้บริหารหรือกรรมการบริหาร
§ ระดับความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
§ แนวโน้มของผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการพัฒนาหรือสร้างนวัตกรรม
o แนวทางเพื่อระบุปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก และการประเมินการเปลี่ยนแปลงลักษณะสภาวะแวดล้อมโดย PEST model
§ policy, politic เช่นการเปลี่ยนรัฐบาล กฏหมายยา
§ economic เช่น GDP
§ social เช่น ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ครอบครัวเดี่ยวเพิ่มขึ้น
§ technology เช่น สารสนเทศ การบริหาร การขนว่ง นวัตกรรมทางการแพทย์
· การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมด้านการแข่งขันหรือวิเคราะห์คู่แข่งขัน (แนวคิดทางการตลาด) โดยใช้ Five force model (5 แรงภายนอกที่มีอำนาจการต่อรอง) ดังนี้
o new entrants (ผู้เข้ามาใหม่ในบริการสุขภาพ) ความยากง่ายในการเข้ามาของคู่แข่ง การเข้ามาสามารถสู้จุดเด่นของเราได้หรือไม่
o suppliers of key input (อำนาจต่อรองของซัพพลาย) เช่นกลุ่มวิชาชีพสำคัญ ผู้ขายยา วัสดุการแพทย์
o substitute product or service (สิ่งที่ผู้บริโภคซื้อแทนของดั้งเดิม) เนื่องจากมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาทดแทนอยู่เรื่อยๆ
o buyer (ผู้ซื้อ) พิจารณาว่ามีอำนาจในการกำหนด/ชี้นำองค์กรได้แค่ไหน เช่น การแทรกแซงจากรัฐในสิทธิประกันสังคม ความสะดวกในการเข้าถึงบริการ ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่พร้อมเสนอให้ลูกค้า
o rivalry among the existing players (โรงพยาบาลที่อาจเป็นคู่แข่งได้จนเกิดการแข่งขันกันเอง) พิจารณาแนวโน้มสภาวะการแข่งขันในกลุ่มที่มีผลิตภัณฑ์หรือตลาดเดียวกับเรา ผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างหรือไม่ ต้นทุนการดำเนินการสำหรับผู้ป่วยแต่ละประเภท สถานการณ์ความรุนแรงหรือมีความเสี่ยง ความสามารถที่จะดูแลต่อเนื่องตลอดกระบวนการสรุปเป็นกรอบการวิเคราะห์สภาพแข่งขันในตลาดธุรกิจเดียวกัน ได้ดังนี้ ผู้ปฏิบัติงานและองค์กร ทรัพยากร ความสามารถทางการตลาด การปฏิบัติการ การเงิน
· การนำ five force model มาประยุกต์ใช้ โดยกำหนดว่าอะไรเป็นปัจจัย และทำอย่างไรให้องค์กรนี้มีศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งพัฒนามาเป็น 3 กลลยุทธ์ต้นตำรับได้แก่ differentiation , cost leadership, consumer segment focus
การวิเคราะห์สภาวะแวดล้อมภายใน
· องค์การมีการเปลี่ยนแปลงแบบพลวัต คือ กิจกรรมทุกอย่างมีการลื่นไหลสอดคล้องกันไปเป็นสายโซ่ มีวิวัฒนาการและการปรับตัวตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องทำการวิเคราะห์เพื่อทราบจุดอ่อนจุดแข็ง มี 2 กรอบแนวคิดคือ
1. วิเคราะห์ทรัพยากรและการใช้ทรัพยากร ได้แก่
§ tangible resource ได้แก่ การตกแต่ง เครื่องมือเครื่องใช้ สภาพการใช้งานของเทคโนโลยี
§ human resource
§ intangible resource ได้แก่ สัมพันธภาพของผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ การบริหารความเสี่ยง งานวิจัย ทรัพย์สินทางปัญญา
2. วิเคราะห์ความสามารถขององค์การ ได้แก่ ด้านการบริการ, ข้อมูลสารสนเทศ, ด้านพัฒนาวิจัย, การบริหารจัดการสายโซ่แห่งคุณค่า
· การวิเคราะห์สายโซ่แห่งคุณค่า (value chain analysis) ในการจัดบริการสุขภาพ คือเครื่องมือที่ใช้ดูศักยภาพขององค์กรในเชิงความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอันนำไปสู่การกำหนดจุดแข็งจุดอ่อนทางกลยุทธ์ ซึ่งทำให้ผู้บริหารทราบว่า องค์กรมีดีอะไร core competency คืออะไร นำไปสู่การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ด้วยการเพิ่มคุณค่าหรือสร้างคุณค่าให้ผลิตภัณฑ์
· สูตรตำรับการเพิ่มคุณค่าหรือสร้างคุณค่า จะประกอบไปด้วยลำดับของกิจกรรมตั้งแต่ ปัจจัยนำเข้าถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้า แบ่งเป็น
1. กิจกรรมปฐมภูมิ ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ inbound logistic operation outbound logistic market and sale service
2. กิจกรรมสนับสนุน มี 4 กิจกรรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
§ การพัฒนาโครงสร้างระบบพื้นฐานขององค์กร เช่น การเงิน กฏระเบียบ
§ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
§ การพัฒนาเทคโนโลยี
§ การจัดซื้อ
· เทคนิกการวิเคราะห์สายโซ่แห่งคุณค่า อาจพิจารณาว่า กิจกรรมปฐมภูมิ และกิจกรรมสนับสนุนเรื่องใดที่ทำให้องค์กรมีความแตกต่างจากคู่แข่ง, เรื่องใดทำให้มีต้นทุนต่ำลง, เรื่องใดทำให้ตอบสนองต่อการต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว
· ผู้เล่นหลักในสายโซ่แห่งคุณค่า (งง ! มีความสำคัญอย่างไรในการวิเคราะห์) มี 3 กลุ่มคือ
1. producers เช่น ผู้ผลิตยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือการแพทย์ มีทั้งเอกชนภายในและต่างประเทศ การเข้ามาจำหน่ายอุปกรณ์
2. purchasers ผู้ซื้อ คือผู้จ่ายเงินให้ผู้ป่วย เช่น สำนักงานประกันสุขภาพ ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ (เปลี่ยนมาใช้ระบบ DRG) ประกันชีวิต บริษัทเอกชน
3. providers คือ ผู้ปฏิบัติงานให้บริการ เช่น กลุ่มรับเหมาบริการวันเดียว กลุ่มครือข่ายให้บริการแบบบูรณาการ กลุ่มให้บรการแบบขนส่งพิเศษ
· การวิเคราะห์องค์ประกอบสำคัญขององค์การและสมรรถนะความสามารถ จะใช้เครื่องมือบริหารแบบดุลยภาพ (balance scorecard) โดยการเปรียบเทียบและประเมินดุลยภาพจากตัวชี้วัด 4 กลุ่มคือ
1. การตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค
2. กระบวนการภายใน
3. การเจริญเติบโตขององค์กร
4. ด้านการเงินการคลัง
· การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการใช้ทรัพยากร จะพิจารณาจาก
1. พื้นฐานด้านแรงงาน โดยดูการให้บริการว่ามีคุณภาพหรือความปลอดภัยต่อผู้ป่วยไหม อาจพิจาณาโดยใช้เครื่องมือ เช่น
§ labor cost/fulltime equivalence
§ การวิเคราะห์ผลิตผลการบริการผู้ป่วยใน
§ competency analysis
§ cycle time analysis
2. พิจารณาการใช้กำลังการผลิตหรือศักยภาพในการให้บริการ
3. การวิเคราะห์ทางด้านดัชนีการเงิน เช่น ประสิทธิภาพของการใช้เงินทุน ประสิทธิภาพการใช้เงินทุนหมุนเวียน ประสิทธิภาพในการบริหารรายได้ ค่าใช้จ่าย และต้นทุน เพื่อหาจุดแข็งจุดอ่อนในการจัดทำกลยุทธ์ทางการตลาดต่อไปว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น